จบกันไปแล้วสำหรับฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ผลสรุป “อาร์เจนตินา” เป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 เป็นเกมที่สนุกสุดมันส์ ลุ้นทุกนาที เชื่อว่าหลายๆคนคงเก็บแมตช์นี้ไว้ในความทรงจำอย่างแน่นอน
เกมเริ่ม ในครึ่งแรก ฝ่ายอาร์เจนตินาเล่นได้ดุดันไม่เกรงใจใคร โดยได้ลูกแรกในนาทีที่ 23 เมื่ออุสมาน เดมเบเล่ เกี่ยวขา ดิ มาเรีย ล้มในเขตโทษ ทำให้ผู้ตัดสินเป่าฟาวล์ให้จุดโทษทันที และคนที่สังหารไม่ใช่ใครที่ไหน ลิโอเนล เมสซี่ รับหน้าที่สังหารไม่พลาด ทำให้ฟ้าขาวขึ้นนำ 1-0
และในนาทีที่ 36 ฟ้าขาวตีห่างออกไปเป็น 2-0 จากจังหวะสวนกลับของอาร์เจนตินา โดยอเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ จ่ายบอลให้ ดิ มาเรีย ยิงตุงตาข่ายเข้าไปก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 2-0 เกมเป็นของอาร์เจนอย่างเห็นได้ชัด
เริ่มครึ่งหลัง อาร์เจนตินาบุกอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 49 ดิ มาเรีย เปิดจากซ้ายให้ โรดริโก้ เดอ ปอล วอลเลย์โดยไม่จับ แต่อูโก้ โยริสยังปัดไว้ได้ทัน
นาทีที่ 59 อาร์เจนตินาได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกจ่ายทะลุช่องขึ้นมาของ ฮูเลียน อัลวาเรซ ตัดสินใจซัดมุมแคบ แต่บอลก็เหินข้ามคานออกไป
นาทีที่ 71 คีลียัน เอ็มบัปเป้ ดาวยิงตัวเก่งของฝรั่งเศส ได้โอกาสสับไกเป็นครั้งแรก โดยได้ซัดด้วยขวาในเขตโทษ แต่บอลก็เหินข้ามคานออกไป
และในนาทีที่ 80 ฝรั่งเศสตีไข่แตกได้สำเร็จ เมื่อ โคโล ร็องดาล มูอานี่ โดน โอตาเมนดี้ เหนี่ยวแขนล้มในเขตจุดโทษ ผู้ตัดสินจึงเป่าฟาล์วให้ตราไก่ได้จุดโทษ คนที่รับหน้าที่สั่งหารก็คือ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ แน่นอนว่าเขาไม่พลาด ยิงช่วยให้ทีมไล่มาเป็น 2-1
และผ่านไปแค่นาทีเดียว มาร์คัส ตูราม จ่ายบอลข้ามแนวรับของอาร์เจนตินา ไปให้ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ร่างทอง ซัดวอลเลย์เข้าไปแบบไม่จับ บอลพุ่งแรงเสียบตาข่าย ฝรั่งเศสตามตีเสมอเป็น 2-2 ท่ามกลางความช็อคของบรรดาแฟนบอลอาร์เจนตินา
หลังจากฝรั่งเศสตีเสมอได้ รูปแบบเกมก็ตกมาอยู่ที่ทีมตราไก่โดยสิ้นเชิง อาร์เจนตินาเหมือนไม่มีสมาธิทันที ตราไก่บุกหนักเข้าใส่ในช่วงท้ายเกม แต่ก็ยิงประตูเพิ่มไม่ได้ ครบ 90 นาทีเสมอกันไปด้วยสกอร์ 2-2 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
นาทีที่ 105 ทีมฟ้าขาวเกือบได้เฮก่อนจากจังหวะที่ มาร์กอส อคุนญา จ่ายบอลให้ เลาตาโร มาร์ติเนซ หลุดเข้าเขตโทษ แต่จังหวะสุดท้ายมี อูปาเมกาโน่ วิ่งมาเบียด ทำให้ยิงไม่ถนัด บอลหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย
และอาร์เจนตินาก็ทำได้ในนาทีที่ 109 ได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งจากเมสซี่ไหลบอกเข้าเขตโทษให้ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ ซัดเต็มข้อเข้าเสาแรก แต่ อูโก้ โยริช ผู้รักษาประตูของฝรั่งเศสเซฟได้ แต่บอลมาเข้าทาง ลิโอเนล เมสซี่ ซ้ำเข้าจ่อๆ ขึ้นนำอีกครั้งเป็น 3-2 แต่ฝรั่งเศสก็ยังไม่ยอม!
นาทีที่ 118 ทีมฝรั่งเศสได้จุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอลในเขตโทษของ กอนซาโล่ มอนเทียล คีลิยัน เอ็มบัปเป้ รับหน้าที่เพชฌฆาตยิงเข้าไปช่วยให้ฝรั่งเศสตามตีเสมอ 3-3 ทำให้เจ้าตัวทำแฮตทริก ซัดคนเดียวไป 3 ประตู ขึ้นเป็นดาวซัลโวในทัวร์นาเมนต์นี้ไปเรียบร้อย
นาที 120+3 ฝรั่งเศสเกือบได้ประตูชัยจากจังหวะ โคโล ร็องดาล มูอานี่ หลุดเดี่ยวไปกดด้วยขวาในเขตโทษ แต่ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ โชว์ซูเปอร์เซฟช่วยทีมเอาไว้ได้ ทำให้จบ 120 นาทีเสมอกันอย่างดุเดือด 3-3 ต้องตัดสินแชมป์ด้วยการดวลลูกจุดโทษ
ผลการดวลจุดโทษ
โดยคนแรกที่ยิงจุดโทษของทางฝรั่งเศสก็คือ คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ยิงด้วยขวาเข้าไป
คนแรกที่ยิงจุดโทษของอาร์เจนตินาก็คือ ลิโอเนล เมสซี่ ยิงด้วยซ้ายเข้าไป
มาถึงคนที่สองของทีมตราไก่ คิงส์ลีย์ โคมัน ซัดด้วยขวา แต่! ติดเซฟ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ
คนที่สองของฟ้าขาว เปาโล ดีบาล่า ซัดด้วยซ้ายเข้าไปอย่างสวยงาม
ตามมาด้วยคนที่สามของตราไก่ ออเรเลียง ชูอาเมนี่ ยิงด้วยขวา แต่ดันยิงออกเองไปอย่างน่าเสียดาย
คนที่สามของฟ้าขาว เลอันโดร ปาเรเดส ซัดด้วยซ้ายเข้าไปประตูไปอย่างง่ายได้
มาถึงคนที่สี่ของทีมตราไก่ โคโล่ มูอานี่ ถ้าไม่เข้าคือจบเกม แต่ยังดีที่ลูกนี้เขาใจนิ่งพอยิงเข้าประตูไป
มาถึงทีมฟ้าขาวคนที่สี่ก็คือ กอนซาโล่ มอนเทียล ถ้าลูกนี้ยิงเข้าอาร์เจนตินาเป็นแชมป์ทันที และแน่นอนเข้าซัดด้วยขวาเข้าประตูไปอย่างสวยงาม
“จบเกม”
อาร์เจนตินา คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 ไปครอง!
สรุปรางวัลของฟุตบอลโลก 2022
Golden Ball (ผู้เล่นยอดเยี่ยม) : ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนตินา) แน่นอนเขาสมควรกับรางวัลนี้อย่างที่สุด เขาเป็นสุดยอดฮีโร่ของชาวฟ้าขาว ในเกมนี้เขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม และนี่คือฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของชายผู้นี้ “ลิโอเนล เมสซี่”
Golden Boot (ดาวซัลโว) : คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส) ผู้ที่ทำแฮตทริกในนัดชิงชนะเลิศ ทำให้ เอ็มบัปเป้ ได้รางวัลดาวซัลโวไปครองด้วยผลงานการยิงประตู 8 ประตู ซึ่งแปดประตูนี้เป็นการยิงที่มากที่สุดในรอบ 20 ปีเลยก็ว่าได้ นับตั้งแต่ โรนัลโด้ อดีตหัวหอกทีมชาติบราซิล เคยยิงได้ 8 ลูกในศึกฟุตบอลโลก 2002 ที่ญี่ปุ่น/เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพร่วมกัน
Golden Glove (ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม) : เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ (อาร์เจนตินา) จอมเหนียวจากทีมแอสตัน วิลล่า ซูเปอร์เซฟที่ช่วยอาร์เจนตินาไม่เสียประตูในหลายๆนัด รวมถึงการเซฟจุดโทษในนัดนี้ นอกจากนี้ มาร์ติเนซ ยังเป็นผู้รักษาประตูที่เก็บคลีนชีทได้มากที่สุด 3 นัดเท่ากับ ยาสซีน โบโน่ (โมร็อกโก) และ จอร์แดน พิคฟอร์ด (อังกฤษ)
ผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยม : เอ็นโซ เฟร์นานเดซ (อาร์เจนตินา) มิดฟิลด์วัย 21 ปีจากสโมสรเบนฟิก้า ลงสนามเป็นตัวสำรองใน 2 นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม และทำผลงานได้โดดเด่น จนสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของทีมฟ้าขาวในทุกนัดหลังจากนั้น พร้อมกับเป็นคนสำคัญในแดนกลางให้กับทีมจนกระทั่งถึงนัดชิงชนะเลิศ
ทีมแฟร์เพลย์ : ทีมชาติอังกฤษ คว้ารางวัลนี้ไปครองหลังจากโดนเพียง 1 ใบเหลืองเท่านั้นจากการลงสนามทั้งสิ้น 5 นัดในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้
ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ อาร์เจนตินาได้ดาวดวงที่ 3 เป็นชาติที่ 4 ต่อจากบราซิล, อิตาลี และ เยอรมัน เป็นชัยชนะที่คู่ควรอย่างยิ่ง สิ้นสุดการรอคอย 36 ปีแค่ตรงนี้ ในขณะที่ฝรั่งเศส สภาพทีมในครั้งนี้พวกเขามาได้ไกลขนาดนี้ถือว่าสุดยอดมากแล้ว เพราะนักเตะตัวสำคัญนั้นเจ็บกันเพียบ ในส่วนของ คีลียัน เอ็มบัปเป้ แน่นอนว่าเจ้าหนุ่มวัย 23 ปี เขาจะกลายเป็นผู้เล่นเบอร์ 1 ของโลกในระยะเวลาอีกไม่นานนี้อย่างแน่นอน ในวันนี้ที่เขาผิดหวังเขาจะได้เข้าใจในความผิดหวัง และมันจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นไปอีกอย่างแน่นอนในอนาคต
ในเกมนี้เป็นเกมที่เป็นกำไรของแฟนบอลทุกคนอย่างมาก LOTTOSOD.GAMES ขอขอบคุณทีมทั้งสองที่สร้างสีสันให้กับโลกของฟุตบอล และเชื่อว่าอีกหลายสิบปีก็คงไม่มีใครลืมเกมที่มหัศจรรย์เกมนี้ได้อย่างแน่นอน
